เลือดออก ตามไรฟัน เกิดจากอะไร ? และป้องกันได้อย่างไร ?

เลือดออก ตามไรฟัน หรือ โรคลักปิดลักเปิด (Scurvy) คุณคิดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรคะ? บางคนจะตอบทันทีเลยว่าขาดวิตามินซี แต่รู้ไหมคะว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่เลือดออกตามไรฟัน ไม่ได้เกิดจากการขาดวิตามินซีค่ะ จริงๆ แล้วคนไทยขาดวิตามินซีเพียง 9.9% เท่านั้น อีก 90% ที่เหลือที่มีเลือดออกตามไรฟัน เกิดจากอะไรได้บ้างคะ?

สารบัญ

• สาเหตุ เลือดออกตามไรฟัน เกิดจากอะไรบ้าง ?
• การวินิจฉัยโรคเลือดออกตามไรฟัน
• วิธีการรักษาเลือดออกตามไรฟัน
• วิธีป้องกันไม่ให้เลือดออกตามไรฟัน
• 6 ผลไม้ ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
• วิตามิน ที่ช่วยบำรุงฟัน และเหงือก ให้เแข็งแรง

สาเหตุ เลือดออก ตามไรฟัน เกิดจากอะไรบ้าง ?

1. หินปูน และคราบพลัค ที่สะสมอยู่เป็นเวลานาน หินปูน คืออะไร ทำไมเราต้อง ขูดหินปูน ?
2. มีการติดเชื้อบริเวณเหงือก และฟัน
3. แปรงฟันแรงเกินไป หรือใช้ไหมขัดฟันที่ผิดวิธี
4. มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น หญิงตั้งครรภ์
5. ปัญหาโรคหลอดเลือด หรือทานยาบางอย่างที่ละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า

การวินิจฉัยโรค เลือดออก ตามไรฟัน

แนะนำให้ไปพบทันตแพทย์ค่ะ เพราะ 80% ของเลือดออกตามไรฟันเกิดจากในช่องปากซะเป็นส่วนใหญ่นะคะ ถ้าทันตแพทย์ดูแล้วว่าช่องปากไม่มีอะไร ทันตแพทย์ก็จะแนะนำส่งต่อไปยังแพทย์ในด้านโรคเลือด หรือดูว่าเราขาดวิตามินหรือเปล่าเป็นกรณีถัดไป ซึ่งเกิดน้อยมากๆ เลยค่ะ

วิธีการรักษา เลือดออก ตามไรฟัน

สาเหตุที่มาจากเหงือกและฟัน ทันตแพทย์ก็จะขูดหินปูน ทำความสะอาดฟัน สอนวิธีการแปรงฟัน และการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธีนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาก็ไม่สำคัญเท่ากับการป้องกันค่ะ

เราะจะป้องกันไม่ให้ เลือดออก ตามไรฟัน ได้ยังไงละคะ?

ป้องกันได้โดยการ หมั่นแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน ให้ถูกวิธี พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ แค่นี้เราก็สามารถที่จะป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ง่ายๆ แล้วค่ะ

6 ผลไม้ ช่วยลดอาการ เลือดออก ตามไรฟัน

ส้ม : ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีรสชาติหวาน อมเปรี้ยว

มะนาว : สามารถนำไปคั้นดื่ม และเป็นส่วนประกอบของอาหารได้หลากหลาย

ฝรั่ง : ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ดี

มะกอก : รสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย อุดมไปด้วยวิตามินซี

มะขามป้อม : มีรสเปรี้ยวอมฝาดแต่มีรสหวานตาม มีวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด

มะละกอ : เป็นยาระบายอ่อนๆ และช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน

วิตามิน ที่ช่วยบำรุงฟัน และเหงือก ให้เแข็งแรง

วิตามินเอ (Vitamin A) – ช่วยให้เยื่อบุผิวในช่องปากสร้างเมือก และทำให้การไหลเวียนของน้ำลายดีขึ้น ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สมานแผลที่เกิดบริเวณเหงือกอีกด้วย พบได้จาก น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม และผลิตภัณฑ์จากนม

วิตามินบี 2 (Vitamin B2)- ช่วยดูแลสุขภาพในช่องปาก ลดการอักเสบของลิ้น รักษาแผลเปื่อย และพบได้จาก เนื้อสัตว์จำพวกสัตว์ปีก และวัว ส่วนในพืชก็จะเป็นพืชตระกูลถั่วและผักใบเขียว

วิตามินซี (Vitamin C)- ช่วยเสริมสร้างรวมทั้งช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดอาการอักเสบในบริเวณเหงือก พบได้จากผักและผลไม้ชนิดต่างๆ พบมากใน ส้ม สับปะรด มะขาม สตอร์เบอร์รี่ ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ

วิตามินดี (Vitamin D)- ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด พบได้จากแสงแดดช่วงเช้า และอาหารพวกนม น้ำมันตับปลา และซีเรียลอาหารเช้า

แคลเซียม (Calcium) – ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ลดการเกิดปัญหาเหงือก และป้องกันฟันผุได้อีกด้วย พบได้จากนม และผลิตภัณฑ์จากนมปลา ถั่ว และผักใบเขียว เช่น ผักโขม ข้าวโพด มันฝรั่ง ฟักทอง คะน้า เป็นต้น

โคเอนไซม์ Q10 (Coenzyme Q10)- ช่วยลดอาการปวดฟัน และลดการเลือดออกในช่องปากที่มาจากโรคเหงือก พบได้จาก เนื้อหมู เนื้อวัว ตับไก่ น้ำมันคาโนลาและน้ำมันถั่วเหลือง หรือในผักชีฝรั่ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• แปรงฟันแล้วมีเลือดออก…สัญญาณร้ายของช่องปาก
• แผลร้อนใน แผลในปาก เสียวฟัน ปัญหายอดฮิตของคนไทย