บรรเทาอาการปวดฟัน เบื้องต้น ทำอย่างไรดี ?

บรรเทาอาการปวดฟัน มีวิธีอะไรบ้าง ? ซึ่งสาเหตุอาจจะเพราะปวดฟันผุทะลุโพรงประสาท, ฟันผุใหญ่, ฟันแตก, ปวดฟันคุด เป็นต้น ในกรณีที่ยังไม่ว่างหรือยังไม่ถึงคิวการรักษา หรือให้อาการปวดลดลงก่อนไปหาหมอฟัน ต้องทำอย่างไรมาดูกันเลยค่ะ

สารบัญ

• วิธี บรรเทาอาการปวดฟัน เบื้องต้น
• การตรวจช่องปากด้วย ตนเอง ควรดูอะไรบ้าง ?
• กลิ่นปากเกิดขึ้น ได้อย่างไร ?

วิธี บรรเทาอาการปวดฟัน เบื้องต้น

1. ทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ

สามารถซื้อได้จากคลินิกหรือร้านขายยา ที่มีหมอหรือเภสัชกรแนะนำค่ะ ซึ่งคุณหมอหรือเภสัชกรจะได้เลือกยาที่เหมาะสมให้ และแนะนำการทานถูกวิธี ควรควรระวัง เพราะถ้าทานผิดวิธีอาจทำให้ไม่หายปวด และเชื้อดื้อยาได้ด้วยนะคะ

2. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดฟัน

สิ่งที่อาจจะกระตุ้นอาการปวดฟันได้แก่ อาหารร้อน อาหารเย็น อาหารรสจัด อาหารหวาน และหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปโดนตรงตำแหน่งที่ปวด เป็นต้นค่ะ

3. ทานอาหารอ่อนๆ นิ่มๆ

หลีกเลี่ยงอาหารเหนียว อาหารแข็งเพื่อไม่ไปกระทบกระแทกบริเวณที่ปวดอยู่ อาจจะทำให้อาการปวด ปวดมากขึ้นได้ค่ะ หรือถ้าหลังทานอาหารแล้วมีเศษอาหารไปยัด ทำให้มีอาการปวด ก็รีบให้เอาเศษอาหารที่ติดออก หลังรับประทานอาหารควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน ขัดฟันให้สะอาดทั่วถึงนะคะ

4. การอมน้ำเกลืออุ่นๆ ก็ช่วยลดการอักเสบเบื้องต้นได้

เนื่องจากน้ำเกลือมีคุณสมบัติของการฆ่าเชื้อโรค สมานแผลในปาก ต้านการอักเสบ และยังช่วยชะล้างเศษอาหารตามซอกฟัน ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดฟันได้ โดยผสมเกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ผมไว้สักครู่แล้วบ้วนออกมาค่ะ

อย่างไรก็ตามเมื่ออาการดีขึ้น หรือหายปวดฟันแล้ว แนะนำให้รีบไปหาทันตแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาแก้ไขที่สาเหตุ จะได้หายปวดถาวรนะคะ

เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ อาจทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้น หรืออาการปวดกลับมาได้อีกนะคะ

การตรวจช่องปากด้วยตนเอง ควรดูอะไรบ้าง ?

การตรวจช่องปากด้วยตนเอง ควรตรวจทั้งความสะอาดในช่องปากหลังจากแปรงฟัน ว่ามีเศษอาหาร คราบจุลินทรีย์ติดตามตัวฟันหรือไม่ และตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ ในช่องปาก เช่น มีฟันผุ มีเหงือกอักเสบ มีฟันคุด แผลต่างๆ

รวมถึงสภาพวัสดุอุดฟันว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพื่อให้ได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ ไม่ต้องรอให้เกิดอาการหรือเกิดความเจ็บปวดขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เวลา และไม่ทรมาน

กลิ่นปากเกิดขึ้น ได้อย่างไร ?

สาเหตุของกลิ่นปากสามารถเกิดได้จากทั้งภายในและภายนอกช่องปาก ดังนี้

สาเหตุจากภายในช่องปาก ได้แก่

1. แผลในช่องปาก เช่น เนื้องอก แผลร้อนใน หรือแผลที่เกิดจากการผ่าตัดในช่องปาก

2. ฟันผุ เกิดจากเศษอาหารตกค้างและสะสมอยู่ในรูผุของฟันหรือฟันที่ผุทะลุโพรงประสาทฟัน

3. โรคปริทันต์ (รำมะนาด) หรือโรคเหงือกอักเสบ เกิดจากมีคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายสะสมเป็นจำนวนมาก โรคปริทันต์ อักเสบ คืออะไร ? นำไปสู่การสูญเสียฟันจริงไหม

4. ผู้ที่ใส่ฟันเทียมหรือเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในช่องปาก เช่น ใส่เครื่องมือจัดฟัน หรือใส่เครื่องมือกันฟันล้ม และรักษาความสะอาดไม่ดีมีคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารตกค้าง

5. น้ำลาย โดยปกติน้ำลายจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออก และช่วยลดการหมักมหมมบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นได้ ในบางภาวะที่มีการหลั่งน้ำลายออกมาน้อย เช่น ขณะนอนหลับ ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ความร้อน ความเครียด หรือมีโรคประจำตัวและการใช้ยาก็จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำลายน้อยและมีกลิ่นปากได้

6. ลิ้น (บริเวณโคนลิ้นด้านในสุด) เนื่องจากบริเวณนี้จะมีน้ำเมือกในช่องจมูกไหลลงสู่คอ ซึ่งแบคทีเรียในช่องปากจะย่อยน้ำเมือกทำให้เกิดกลิ่นได้

สาเหตุจากภายนอกช่องปาก ได้แก่

1. การสูบบุหรี่ นอกจากกลิ่นบุหรี่ตกค้างอยู่ในช่องปากผสมกับกลิ่นอื่น ๆ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะตัวขึ้นแล้ว และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้สูบเป็นโรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้น เกิดกลิ่นปากมากยิ่งขึ้นด้วย

2. การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีกลิ่นแรง เช่น หัวหอม กระเทียม เครื่องเทศ สะตอ และแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกลิ่นปากได้แต่โดยธรรมชาติ อาหารพวกนี้เมื่อถูกย่อยหรือดูดซึม และขับถ่ายออกแล้วกลิ่นก็จะหายไปได้เองถ้ามีการแปรงฟันที่ถูกวิธี

3. การเจ็บป่วย โรคบางโรคก่อให้เกิดกลิ่นปากได้ เช่น ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ โรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอด โรคกรดไหลย้อน (GERD) หรือโรคของระบบขับถ่าย

บทความที่เกี่ยวข้อง

• โรคฟันผุ ปัญหาการติดเชื้อในช่องปาก และโรคภูมิแพ้
• บุหรี่ มีผลต่อสุขภาพช่องปาก จริงไหม?