เชื้อรา ในอาหาร…กินได้ไหม ? กินเข้าไปแล้วเป็นอะไรไหม ?

เชื้อรา เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ สามารถเติบโตได้ทุกที่ แม้ในที่ๆ ไม่มีแสงแดด เพราะมันไม่มีคลอโรฟิลล์ จะมีลักษณะเป็นเส้นๆ เหมือนเส้นผมที่เล็กและบางมาก มีรากและแผ่ขยายออกไป แม้ในผิวที่เรามองไม่เห็น

ดังนั้นหากพบเจอเชื้อราเพียงจุดเล็กๆ เพียงจุดเดียว ในชิ้นขนมปังหรืออาหาร ก็ให้ทิ้งไปทั้งหมดนะคะ ซึ่งการจะหลีกเลี่ยงการกินเชื้อราที่ดีที่สุดแล้วค่ะ

สารบัญ

• เชื้อรา นั้นชอบอากาศแบบไหน ?
• ทำไมขนมปัง ถึงขึ้นรา ?
• เชื้อรา กินแล้วจะเป็นอะไรไหม ?
• ป้องกันเชื้อรา ได้อย่างไรบ้าง ?

เชื้อรา นั้นชอบอากาศแบบไหน ?

 

เชื้อรา นั้นจะชอบอากาศแบบ ร้อนๆ ชื้นๆ มากๆๆ เลยค่ะ ฝากระวังกันด้วยนะคะ ตามเสื้อผ้าที่ตากไม่แห้งดี หรือในอาหาร, ผักสด, ผลไม้สด ที่ซื้อมาเก็บนานๆ ไว้ในตู้เย็น หรือวางทิ้งไว้ข้างนอก ยิ่งเวลาทำอาหารให้เด็กน้อยที่บ้านยิ่งต้องระวังใหญ่เลยค่ะ

เมื่อก่อนเราก็คิดว่าเชื้อราไม่มีอันตรายอะไร ถ้าเห็นจุดเล็กๆ ในอาหาร ก็แค่เอาออกแล้วกินต่อ แต่ตอนนี้เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้น ที่เราเห็นเป็นราขาวๆ เขียวๆ แล้ว ข้างใต้นั้นมีรากยาวฝังลึก ชอนไชลงไปเรื่อยเลยค่ะ และก็มักจะอยู่ร่วมกับเชื้อแบคทีเรีย

แล้วสมมติว่าเจอเชื้อราในอาหารทำไงดีน๊าา ? บ้างก็ว่าตัดส่วนนั้นทิ้งไปอย่างน้อย 1 นิ้วโดยรอบ ก็จะปลอดภัยจากรากๆ เชื้อราแล้ว แต่หมอว่ายังไงก็ไม่ต้องเสียดายนะคะ ทิ้งไปเลยค่ะ เพราะอาจจะมีเชื้อราส่วนที่มันยังไม่ออกมาเป็นต้นให้เราเห็นแฝงอยู่ในส่วนอื่นๆ อีกก็ได้เนอะ

ทำไมขนมปัง ถึงขึ้นรา?

ในอากาศรอบตัวเราจะมีฝั่นลอยอยู่นะคะ ซึ่งในนั้นก็จะมีจุลินทรีย์รวมไปถึงเชื้อราอยู่ด้วย เชื้อราที่พบในฝุ่นนี้เรียกว่า “สปอร์” มันจะลอยไปในอากาศ และไปตกหรือไปเกาะกับสิ่งต่างๆ แล้วถ้าไปเกาะบนอาหารแล้วละก็ มันก็จะเจริญเติบโตเป็นเชื้อราในที่สุดนะคะ

แล้วทำไมขนมปังถึงขึ้นราง่ายกว่าอาหารชนิดอื่นๆ ?? นั่นก็เป็นเพราะว่าอาหารอย่างขนมปัง หรือว่าเค้ก มันมีลักษณะเป็นรูพรุน นุ่ม และก็มีความชื้นสูง เจ้าพวกเชื้อราพวกนี้ก็เลยผ่านเข้าไปในเนื้อขนมปังได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารที่มีลักษณะแข็ง

เชื้อรา ไม่ได้อันตรายเสมอไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ดี และบางชนิดก็ผลิตสารพิษออกมาได้ ชื่อ ไมโคทอกซิน (Mycotoxins) สารพิษเหล่านี้จะเกาะอยู่ที่ปลายรากของเชื้อรา ที่แผ่ขยายและแทรกตัวลงลึกไปในอาหาร และก็มีฤทธิ์อยู่ได้ยาวนานนนนด้วยนะคะ ที่สำคัญ!!..ส่วนมากจะไม่ถูกทำลายได้ด้วยการทำอาหารปกติ

เชื้อรา กินแล้วจะเป็นอะไรไหม ?

สามารถทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ, วิงเวียนศีรษะ, ปวดท้อง, อาเจียน บางอย่างก็ทำให้เกิดการแพ้, หอบหืด, โรคทางเดินหายใจ

สารพิษในเชื้อรา ที่เป็นตัวร้ายที่สุด อันตรายที่สุด ชื่อ อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) จะอยู่ในพวกถั่วและเมล็ดธัญพืช ที่เป็นส่วนผสมหลักของขนมปัง ซึ่งจะไม่ได้ทำให้เกิดอาการในทันที แต่สะสมในร่างกาย เป็นสารก่อมะเร็งค่ะ

กระทรวงเกษตรและอาหารของอเมริกา (USDA) แนะนำว่า ทุกๆ 1-2 เดือน ควรจะเช็ดทำความสะอาดตู้เย็นด้วยเบกกิ้งโซดา (1ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ1ลิตร)

ป้องกัน เชื้อรา ได้อย่างไรบ้าง ?

1. การหมั่นสังเกตุ

โดยเฉพาะอาหารที่จะซื้อ และก่อนที่กินเข้าไป การดมไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเชื้อราไม่มีกลิ่น และลองสังเกตุตัวเองว่ามีอาการแพ้ต่างๆ หรือไม่ เช่น คัดจมูก, คัน, น้ำตาไหล, น้ำมูกไหล, คันปา,ก คันจมูก จากการทานอาหารบ้างหรือไม่

2. รักษาความสะอาด

ควรรักษาความสะอาดภายในบ้านให้ดี เพราะนั่นเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อป้องกันเชื้อรา นอกจากนี้เชื้อรายังสามารถเติบโต และแพร่สปอร์ออกไปตามพื้นผิวต่างๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ดังนั้นตามตู้เย็น ผ้าเช็ดจาน ภาชนะใส่อาหาร หรือแม้กระทั่งเคาเตอร์ในครัว ก็อาจจะมีสปอร์ของเชื้อราเกาะอยู่ได้ จึงควรทำความสะอาดบ่อยๆ

3. เชื้อราเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้น

หากเป็นไปได้ควรควบคุมระดับความชื้นภายในบ้าน ไม่ให้เกิน 40% ควรทำความสะอาดภายในตู้เย็นบ่อยๆ อย่างน้อย 1-2 เดือน/ครั้ง ด้วยการนำเบกกิ้งโซดา มาละลายน้ำแล้วเช็ดทำความสะอาด และจุดไหนที่สงสัยว่าจะมีเชื้อราก็ให้นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำมาเช็ดออก

ส่วนผ้าเช็ดจานถ้ามีกลิ่นก็ให้เอาไปทิ้งทันที ดีกว่าจะซักแล้วเอามาใช้อีก เพราะนั่นอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้เชื้อราได้แพร่กระจายในบ้านต่อไปได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

• เชื้อราในช่องปาก ป้องกันไม่ยาก?
• รีวิวยาสีฟัน จากผู้ใช้จริง : ยาสีฟันลดกลิ่นปาก