ทันตกรรมในหญิงตั้งครรภ์ กับข้อจำกัดต่างๆ

ทันตกรรมในหญิงตั้งครรภ์

ทันตกรรมในหญิงตั้งครรภ์ ไม่สามารถทำได้ตลอดช่วงของการตั้งครรภ์ เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของความไม่สุขสบายจากขนาดหน้าท้องที่ใหญ่ขึ้น การถ่ายภาพรังสีเอ็กซเรย์ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

เพราะอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ หรือภาวะเครียด, ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะรับบริการทางทันตกรรม เป็นต้น ซึ่งควรให้การรักษาทางทันตกรรมในรายที่มี ความจำเป็นจริงๆเท่านั้น ซึ่งมีหลักในการปฏิบัติ ดังนี้

1. ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์) ควรให้การรักษาทางทันตกรรมเฉพาะกรณีฉุกเฉิน หรือที่สามารถทำได้ง่าย อย่างเช่น อุดฟัน ขูดหินปูน แต่ถ้าจำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีเอ็กซเรย์ จะต้องได้รับการปกป้องร่างกายและครรภ์จากเสื้อตะกั่ว และควรทำเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

2. ในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ (ระยะการตั้งครรภ์ 4 ถึง 6 เดือน) เป็นช่วงที่เหมาะสมในการให้การรักษาทางทันตกรรม สามารถให้การรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน และใช้เวลานานๆ ได้ อย่างเช่น การอุดฟัน การใส่ฟันปลอม การรักษารากฟัน หรือการรักษาโรคเหงือกที่มีความรุนแรงได้

3. ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ (ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์) เป็นช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงการรักษาทางทันตกรรม เพราะหญิงตั้งครรภ์จะมีขนาดหน้าท้องที่ใหญ่ขึ้นมาก ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบาย

การให้นอนราบนานๆ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ สามารถกระทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และควรให้หญิงตั้งครรภ์พลิกตัวบ่อยๆ เพื่อให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้การให้การรักษาทางทันตกรรมในหญิงตั้งครรภ์

ในส่วนของการให้ยาในทางทันตกรรมมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นยาชาเฉพาะที่ ยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้ปวดจำพวก พาราเซตามอล (Paracetamol) สามารถให้ได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์และสูติแพทย์

โดยต้องกำชับหญิงตั้งครรภ์และญาติในเรื่องของการห้ามซื้อยารับประทานเอง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้

การดูแลสุขภาพช่องปาก ทันตกรรมในหญิงตั้งครรภ์

การดูแลรักษาอนามัยช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เพื่อให้มีสภาวะทันตสุขภาพที่ดี ซึ่งมีคำแนะนำในการปฏิบัติ ดังนี้

1. การรับประทานอาหาร

หญิงตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอ ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด ชา กาแฟ ของหมักดอง และจ ากัดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลโดยการรับประทานในมื้ออาหารเท่านั้น

งดน้ำอัดลมและน้ำหวานโดยการดื่มน้ำเปล่าหรือนมไขมันต่ำแทน รับประทานผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ และควรรับประทานอาหารที่ช่วยส่งเสริมให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีซึ่งมีคำแนะนำดังนี้

อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เพราะแคลเซียมนอกจากจะไปช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงในระหว่างตั้งครรภ์แล้ว ยังมีหน้าที่ในการช่วยพัฒนาโครงสร้าง
ของกระดูกและฟันสำหรับทารกในครรภ์ และเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ให้กับร่างกายของทารกอีกด้วย

สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมที่หญิงตั้งครรภ์ควรรับประทานเป็นประจำ ได้แก่ นมจืด นมพร่องมันเนย, ปลาตัวเล็กตัวน้อย ปลากรอบ, ผักใบเขียวต่างๆ เช่น ผักคะน้า ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง ใบยอ ใบกะเพรา ยอดสะเดา ผักกะเฉด ยอดแค ใบชะพลู, ผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล กีวี มะละกอ เสาวรส, ถั่วทุกชนิด และธัญพืชต่างๆ

อาหารที่มีเส้นใย เช่น แตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ จะช่วยทำความสะอาดฟัน เพราะตัวเส้นใยจะช่วยขจัดคราบอาหารที่ติดอยู่บนฟัน และในระหว่างเคี้ยวเส้นใยจะขัดถูสิ่งที่ติดแน่นบนฟันให้หลุดออกไป

ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ เงาะ เพราะวิตามินซีจะช่วยรักษาเหงือกให้แข็งแรง

งา ผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ แครอท เพราะวิตามินเอจะช่วยการก่อรูปของผิวเคลือบฟัน

บรอคโคลีและกะหล่ำปลี เพราะเป็นแหล่งของวิตามินเค ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม อันเป็นองค์ประกอบของฟัน

กล้วย มันฝรั่ง หรือผักมีใบ เพราะอุดมด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยรักษาเนื้อเยื่ออ่อนๆ ในช่องปาก เช่น เหงือก ลิ้น เยื่อเมือก

2. การแปรงฟัน

เพื่อเป็นการทำความสะอาดช่องปาก ลดปริมาณคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน การขจัดเศษอาหารตกค้าง เป็นวิธีการป้องกันโรคในช่องปากด้วยตนเองที่สำคัญวิธีหนึ่ง เพราะการแปรงฟันที่ถูกวิธี ควบคู่กับการใช้ ยาสีฟัน สมุนไพร Doctor V จะทำให้มีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากมากขึ้น

ให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยวิธีขยับ-ปัด แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 2-3 นาที โดยใช้แปรงสีฟันขนอ่อนและ ยาสีฟัน สมุนไพร Doctor V แปรงให้ทั่วถึงทุกซี่ทุกด้าน

การเลือกใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนั้น ควรเลือกปลายขนแปรงที่มีความมน และมีกระจุกของขนแปรงมาก หรือที่ได้รับการรับรองจากกรมอนามัย และหลังจากใช้เสร็จ ควรล้างให้สะอาดและผึ่งให้แห้ง และเก็บไว้ในที่ที่ไม่อับชื้น เพื่อป้องกันการขึ้นรา ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน หรือเมื่อพบว่าขนแปรงมีรูปทรงบิดเบี้ยวจากปกติ เพราะอาจท าให้เกิดอันตรายต่อเหงือกได้

ควรระมัดระวังในการออกแรงกดเวลาแปรงฟัน เพราะการออกแรงที่มากเกินไปจะทำให้เหงือกร่นและเป็นแผล คอฟันสึกได้ และหลีกเลี่ยงการใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงแข็งเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อเหงือกและฟันได้เช่นกัน

3. การแปรงลิ้น

เพื่อลดการสะสมคราบจุลินทรีย์บริเวณลิ้น ซึ่งเป็นบริเวณหนึ่งที่เป็นแหล่งสะสมของคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก ซึ่งมีคำแนะนำในการปฏิบัติ คือ วางแปรงสีฟันบริเวณโคนลิ้น โดยให้ขนแปรงสีฟันตั้งฉากกับลิ้น ลากแปรงสีฟันออกมาทางปลายลิ้น ทำ 4-5 ครั้ง ภายหลังการแปรงฟันทุกครั้ง

4. การใช้ไหมขัดฟัน

เพื่อเป็นการกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่ซอกฟัน หรือในด้านของฟันที่ชิดติดกัน ในส่วนที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าได้ถึง การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำควบคู่กับการแปรงฟันที่ถูกวิธี จะทำ ให้การดูแลรักษาช่องปากมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. การตรวจฟันด้วยตนเอง

เป็นวิธีเบื้องต้นในการค้นพบโรคหรือความผิดปกติในช่องปากด้วยตนเอง ท าให้ทราบว่าเรามีฟันผุหรือเหงือกอักเสบที่ใด มีสิ่งผิดปกติอะไรในช่องปาก หรือแปรงฟันได้สะอาดหรือไม่

เมื่อพบว่ามีปัญหาจะได้ทำการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายและให้ผลการรักษาที่ดีกว่า ซึ่งมีคำแนะนำในการปฏิบัติ ดังนี้

การตรวจฟันด้านนอก ในส่วนของฟันหน้าทำโดยการยิงฟันและทำการขยับริมฝีปากให้เห็นตัวฟันและเหงือก แล้วดูผ่านกระจก ส าหรับฟันหลังทำได้โดยการใช้นิ้วรั้งมุมปากแต่ละด้านให้เห็นตัวฟันและเหงือก โดยทำการตรวจให้ถึงฟันกรามซี่ในสุด ตรวจทั้งด้านซ้าย-ขวา และบน-ล่าง

การตรวจฟันด้านใน ในส่วนของฟันบน ตรวจได้โดยการเงยหน้าพร้อมทั้งอ้าปากเอียงไปทางด้านซ้ายและขวา โดยดูผ่านกระจก ส่วนฟันล่าง ตรวจได้โดยการก้มหน้าพร้อมทั้งอ้าปากเอียงไปทางด้านซ้ายและขวา โดยดูความผิดปกติผ่านกระจกเช่นกัน

เมื่อหญิงตั้งครรภ์ตรวจฟันด้วยตนเอง แล้วพบว่ามีอาการเหงือกเป็นแผล เสียวฟัน มีเศษอาหารติดตามซอกของฟัน ควรไปรับการตรวจจากทันตบุคลากรเพื่อดูแลรักษาหญิงตั้งครรภ์ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ

เพราะการที่คุณแม่สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้ จะทำให้คุณแม่มีสุขภาพช่องปากที่ดี สามารถลดภาวะเสี่ยงของโรคในช่องปากในระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปได้อย่างปลอดภัยทั้งมารดาและทารก

บทความที่เกี่ยวข้อง

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเรา

Phone : +662-102-5920
Fax : +662-102-5920
E-Mail : doctorvofficial@gmail.com
แผนที่(คลิกเพื่อดูรายละเอียด)
LINE:@DOCTORV

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage
https://www.facebook.com/DoctorvOfficial

ติดตามช่อง Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCT1GCI52CLf6BDfe77vtBtQ


สามารถสั่งซื้อได้ที่  >>  Line: @doctorv
http://line.me/ti/p/%40doctorv

Scan QR CODE

ยาสีฟัน สมุนไพร  Doctor V ได้ใส่สารสกัดจากสมุนไพรถึง 12 ชนิด เช่น เห็ดหลินจือ, โสม, Propolis เป็นต้น เป็นสารสกัดที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ แต่ก็นำมาด้วยต้นทุนที่สูง แต่ด้วยความที่มีไอเดียในการทำสินค้า

และธุรกิจของครอบครัวเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง เลยมีทีม R&D ที่สามารถหาวัตถุดิบที่ต้องการมาได้หมด ทำให้ได้ ยาสีฟัน ตามสูตรที่คิดค้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนแต่อย่างใด


Ldc กรุงเทพฯ ปริมณฑล / Ldc ต่างจังหวัด / ร้าน HEALTHY MAX 7 สาขา / ร้านออร์แกนิคปลอดสารพิษ / DENTAL CLINIC / สบายใจ / FOODLAND กทม. / FOODLAND ตจว. / VILLA MARKET กทม.ปริมณฑล / VILLA MARKET ตจว. / TOP MARKET / ร้านภูมิใจไทยมี 20 สาขา / Beauty Buffet / Market Place Online (Shopee / Lazada / JD Central / Fanpage : DoctorvOfficial)


Doctor V™ ยาสีฟัน ฟันขาว สมุนไพร สูตรพิเศษ ทำให้ ฟันขาวขึ้น อีกทั้งยังช่วย ลดดกลิ่นปาก, บำรุงเหงือก, ปกป้อง เหงือกบวม อักเสบ, ลด เสียว ฟัน โดยทีมงานแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ตระหนักถึงคุณค่าของ สมุนไพรไทย และธรรมชาติ

เพื่อให้มั่นใจถึงความบริสุทธิ์ และคุณภาพ Doctor V™เลือกใช้เฉพาะส่วนผสมจากธรรมชาติบริสุทธิ์ 100 % จากพืชเพื่อให้ทุกเพศทุกวัยสามารถได้รับประโยชน์ ของผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมจากธรรมชาตินี้